เอ๊ะ… นอร์ทมองไปที่นาฬิกาในห้องของตัวเองพร้อมความตกใจเมื่อพบว่าเข็มสั้นขยับเข้าใกล้เลข 10 เข้าทุกที
ชิบหายละ— เขารีบเปลี่ยนชุดเพื่อให้พร้อมกับการไปเยี่ยมเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายเข้ามาในเมืองได้ไม่นาน เขาจำเป็นต้องออกเวลาที่แหละนะ ไม่อย่างนั้น รถเมล์ที่เขาต้องนั่งไปลงใจกลางเมืองก็คงไม่มีที่แม้แต่จะให้เขายืน
ด้วยความรีบ เขาจึงไม่ได้สนใจอะไรเจ้าสร้อยกระจกที่เขาเพิ่งได้มาสักเท่าไหร่ ถึงแม้ว่ามันจะยังคงทำให้เขาสับสนก็ตาม
9 นาฬิกา 37 นาที นอร์ทก็ได้มาถึงป้ายรถเมล์ ที่นั้นเขาใช้เวลาระยะหนึ่งเพื่อมองที่เศษกระจกตรงคอของเขา หลังผ่านไปชั่วหนึ่ง รถเมล์ก็มาถึง
ตอนที่นอร์ทเดินขึ้นบนรถ มีบางอย่างที่ทำให้เขาจุกอกเป็นอย่างมาก อย่างกับว่าตนจะสำลักเลือด สิ่งที่โชคดีคือไม่ได้มีใครที่สนใจเขาเลย… ยกเว้นชายหน้าหวานคนหนึ่งที่มีปฏิกิริยาคล้ายๆ กับนอร์ทตอนเขาเดินขึ้นรถ ชายคนนั้นจ้องมองนอร์ทด้วยตาคู่ที่ค่อนข้างดุ…
อีกอย่างหนึ่งที่โชคดีคือที่นั่งว่างที่สุดท้ายอยู่หน้ารถ ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลจากชายคนนั้น
ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นอร์ทได้แต่ถามตัวเองว่าความรู้สึกเมื่อกี้ มันคืออะไรกันแน่…
ด้วยเวลาเพียง 15 นาที เขาก็มาถึงป้ายรถเมล์หน้าห้างใจกลางเมือง ซึ่ง… ชายคนนั้นก็ได้ลงป้ายเดียวกันมา แต่ก็ได้เดินกันไปคนละทางโดยชายคนนั้นยิ้มให้นอร์ท ก่อนที่จะเดินจากไปอีกทางนึง… ช่างมันเถอะ ตอนนี้เพื่อนเขาคงรอมานานแล้วหละ
เขาได้เดินตามถนนมาเรื่อยๆ จนใกล้ถึงหน้าบ้านเพื่อนของเขาแล้ว หวังว่ามันจะยังอยู่บ้านอะนะ
(so i guess kan has mastered the art of standing up in a 'koi-like style' huh? lmao, google's translation is hilarious)
(Atleast the name is close enough to the original)
(Haha yeah. I'm dying… from laughter lmao. I feel like this is one of the greatest rps I've ever stalked… simply because of the hilarious translations. Although, there's probably a great deal of plot-related things I'm not getting haha)
(I'm not going to spoil the plot for you but you could probably guess it since Altrince has a unique style when it comes to creating these)
(Oh Izzy, you know me well enough XD)
รายุมองเข้าไปที่ร่างในกระจกแล้วเห็นว่าร่างนั้นคือตัวเขาเองแล้วปล่อยมือ หลังจากที่เขาเสร็จธุระส่วนตัวแล้วแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็ออกจากโรงแรมกับกล้องสองตัว กล้องตัวโปรดของเขาและกาฬเวลา
เขาได้เดินทางมาที่ประเทศรัสเซียเนื่องจากเป็นประเทศที่เขาอยากมาตั้งแต่ที่เขาเห็นภาพสวยๆที่เพื่อนได้ถ่ายจากประเทศนี้
ในวันนี้ เขาได้วางแผนไว้ว่าจะไปถ่ายภาพวิวธรรมชาติของรัสเซีย และด้วยที่เขาได้เช่าโรงแรมที่อยู่ระหว่างเมืองและป่า เอดีจึงไม่มีปัญหากับการเดินทางมากนัก
เอดีเดินตามเส้นทางที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะจนพบร้านกาแฟร้านหนึ่ง เขามองนาฬิกาข้อมือของเขาแล้วตัดสินใจที่จะแวะเข้าร้านไปหาอาหารเช้า
กาญจ์ นั่งรวบรวมสติของตนเอง แล้วพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น…
’นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่’
’สีทองงั้นเหรอ…สรุปฝันนั้นเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ…’
ในระหว่างที่เขากำลังตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่ง..เสียงที่เขารู้สึกคุ้นเคย..ดังขึ้นมาในหัวของเขา…
’นี้ท่านคิดว่าฉันเป็นแค่ฝันอย่างนั้นเหรอเจ้าค่ะ’
’เหวอ!?’
’เสียงใครน่ะ!?’
’นายท่านไม่ต้องตกใจไป ตั้งแต่ตอนที่ท่านได้ทำพันธสัญญากับฉัน ฉันก็ได้เป็นภาพสะท้อนของนายท่านนับแต่นั้น หรือก็หมายความว่าตอนนี้ตัวของฉันอยู่ในจิตใต้สำนึกของท่าน’
’นี้เธอเป็นใครกันแน่?’
’ตัวฉันนั้นเป็นภาพสะท้อน มีนามว่า ‘สุวรรณกาญจนา’ ดวงจิตแห่งทองคำ’
ด้วยความที่นอร์ทค่อนข้างสนิทกับเพื่อนคนนี้ จึงมีกุญแจสำรองเพื่อเปิดเข้าบ้านของเพื่อนเขา
ไอ้นี่… ไม่คิดจะเก็บบ้านบ้างเลยหรือไง… เขาคิด พลางถอนหายใจเบาๆ บ้านของเพื่อนเขามันยังรกเหมือนเดิม แต่เหมือนว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้ฝุ่นเยอะแล้ว เขาเหลือบไปเห็นภาพที่ตั้งอยู่บนตู้ไม้ เมื่อเดินไปดู เขาก็ได้แต่ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขาเอารูปสมัยปี 1 ของเขาทั้งสองไปใส่กรอบแล้วตั้งเอาไว้
เขาเดินวนตรงทางเดินเข้าบ้านสักพักก่อนที่จะเดินเพื่อตามหาเพื่อนของเขา เขาได้ยินเสียงบทสนทนาเบาๆ จากห้องนอนของเพื่อนเขา
เหมือนจะคุยโทรศัพท์อยู่แหะ… นอร์ทคิดในใจ ก่อนที่จะเปิดประตูแบบไม่สนใจใยดี พร้อมที่จะเห็นความตกใจของเพื่อน
“ว่าไง เพื่อนนนนนน~~…” กลับว่า เขาดันเป็นคนที่ตกใจเองเมื่อเห็นว่าเพื่อนของเขา ไม่ได้คุยโทรศัพท์ แต่เหมือนคุยกับตัวเองมากกว่า
“เมื่อกี้… มึงคุยกับใครวะ”
“ฝันงั้นหรอ..”
เธอรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำ ล้างหน้าและมองในกระจกและเช็คให้แน่ใจว่ายังเห็นเงาของตัวเองอยู่ เธอโล่งใจที่ยังเห็นเงาของตัวเองอยู่และไม่ได้เป็นเงาของผู้หญิงที่อยู่ในฝัน เธอเดินออกจากกระจกแล้วไปอาบน้ำและแต่งตัว เธอใส่เสื้อเอวลอยแขนยาวกับกระโปรงสั้นสีขาวตัวโปรดของเธอ
เหมยเดินออกจากบ้านพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบหนึ่งแล้วมุ่งหน้าไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อไปซื้อข้าวและขนมกลับมากินที่บ้าน เมื่อถึงที่ห้างแล้ว เธอหยิบของต่างๆตามที่ต้องการแล้วไปจ่ายเงิน ก่อนที่เธอจะกลับบ้าน เธอเดินผ่านร้านโดนัท กลิ่นหอมของโดนัททำให้เธอหยุดแล้วหันไปมอง เธอเดินเข้าไปแล้วไปซื้อโดนัท และกลับบ้านมาพร้อมของกินและโดนัท 5 ชิ้น…
เอดีดันประตูกระจกเข้าไปในร้านแล้วก็มีเสียงกระดิ่งเล็กๆดังก่อนที่จะรู้สึกถึงความอุ่นกระทบหน้าของเขา
เขาเดินไปที่โต๊ะเดี่ยวตรงมุมของร้านแล้วถอดถุงมือพร้อมกับวางกล้องและเป้ที่เขาถือมาไว้บนเก้าอี้ เขามองไปที่เจ้าของร้านแล้วยิ้ม
"privet"
เอดีหยิบเมนูแล้วสั่งกับเจ้าของร้าน เขาชี้ไปที่ชารัสเซียมาร์มาเลด ไส้กรอก และขนมปังดำ แล้วค่อยหยิบกระเป๋าตังค์มาจ่ายค่าอาหาร